อ้างอิงต่างๆและบทรีวิวจากลูกค้า

What is Raspberry Ketone?


มีการกล่าวถึงประโยชน์ของ Raspberry ketone ที่น่าสนใจ คือ สามารถช่วยเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี จึงเป็นที่ตั้งข้อสงสัยในคนบางกลุ่มว่า  “มีงานวิจัยที่สนับสนุนหรือไม่?”  แต่ก็มีกลุ่มคนที่เชื่อก็จะบอกว่า “ที่กล่าวมานั่นแหละ!! คือผลการศึกษาวิจัย” จึงเป็นคำถามว่า “ผู้ที่ต้องการควบคุมอาหาร (Dieter) ควรรองานวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับว่ามันสามารถใช้เสริมอาหารเพื่อเผาผลาญ ไขมันได้จริงก่อนที่จะลองใช้รึเปล่า”
ไม่นานมานี้มีรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับสุขภาพชื่อดังรายการหนึ่งได้เชิญ นักโภชนาการชื่อดังมาแนะนำให้ใช้อาหารเสริม Raspberry ketone โดยกล่าวว่าการรับประทาน Raspberry ketone เสริมจะช่วยลดน้ำหนักได้โดยการช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมัน
ภายหลังรายการดังกล่าวจึงเกิดเป็นกระแส 2 กระแส คือ แนวความคิดแรกจะอ้างถึงการศึกษาวิจัยผลของ Raspberry ketone มีเพียงการศึกษาเดียวและยังเป็นการศึกษาทดลองในหนูซึ่งถึงแม้จากการศึกษาจะ พบว่าทำให้หนูน้ำหนักลดลงแต่ก็ไม่สามารถยืนยันผลได้ว่า Raspberry ketone จะสามารถช่วยลดน้ำหนักในคนได้ ส่วนอีกแนวความคิดมาจากความเชื่อมั่นในผลการศึกษาของแพทย์ผู้หนึ่งซึ่งชี้ แจงว่าคนไข้ของตนซึ่งรับประทาน Raspberry ketone เสริมพบว่าคนไข้คนดังกล่าวมีน้ำหนักตัวที่ลดลง

แล้วแนวความคิดไหนที่ถูกหล่ะ?

Raspberry ketone เริ่มเป็นที่สนใจวงการอาหารเสริมเมื่อปี 1995 จากการศึกษาตีพิมพ์ผลการวิจัยในวารสาร Life Sciences โดยนักวิจัยชาวญี่ปุ่นซึ่งได้รายงานการพบว่าหนูที่ได้รับอาหารไขมันสูงแล้ว เสริมด้วย Raspberry ketone ช่วยป้องกันการเกิดภาวะอ้วน (Obesity) ได้

Raspberry ketone เป็นสารชนิดหนึ่งจากผลราสเบอร์รี่แดง มีโครงสร้างทางเคมีเป็นวงอะโรมาติก ซึ่งปกติใช้ในการแต่งกลิ่น แต่งรส แต่เนื่องจากความคล้ายคลึงกันทางโครงสร้างของ Raspberry ketone กับสาร Capsaicin ซึ่งพบในพืชตระกูลพริกและพริกไทยซึ่งเชื่อกันว่ามีคุณสมบัติในการต้านการ เกิดภาวะอ้วนและคุณสมบัติช่วยเผาผลาญไขมันจึงเป็นแรงกระตุ้นให้มีการศึกษา คุณสมบัติต้านการเกิดภาวะอ้วนของ Raspberry ketone

นักวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับ Raspberry ketone กล่าวว่า Raspberry ketone ช่วยป้องกันการเกิดภาวะอ้วนในหนูทดลองอย่างมีนัยสำคัญ โดยกลไกของ Raspberry ketone คือจะไปกระตุ้นการหลั่งสารสื่อ Norepinephrine ซึ่งจะไปกระตุ้นการเคลื่อนที่ของเอนไซม์ไลเปส (เอนไซม์ย่อยไขมัน)ให้ออกมาทำงานย่อยหยดไขมันภายในเซลล์ไขมัน หรือพูดง่ายๆว่า Raspberry ketone ช่วยกระตุ้นเซลล์ในการเผาผลาญไขมันภายในเซลล์ได้

ในรายการ The  Dr. Oz show ได้เชิญ Lisa Lynn นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักได้แสดงภาพถึงประสิทธิภาพของ Raspberry ketone โดยการเปรียบเทียบของรูปคนไข้ของเธอก่อนและหลังใช้อาหารเสริม Raspberry ketone ซึ่งรับประทานควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามแผนการลดน้ำหนักพบว่าสามารถลดน้ำหนัก ได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาพที่ถูกนำมาแสดงจะเป็นจริงถึงอย่างไรมันยังไกลจากการ ศึกษาวิจัยที่ถูกต้องพอซึ่งสามารถนำผลมาวัดเชิงปริมาณในการเผาผลาญไขมันใน ร่างกายของ Raspberry ketone ได้


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก็เป็นผลที่เกิดขึ้นในบางราย หากทำความเข้าใจในหลักวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องแล้ว อาหารเสริมกับกระบวนการเผาผลาญไขมันอาจจะไม่สัมพันธ์กันเลยก็เป็นได้
หลักการที่สำคัญที่สุดที่ผู้เป็นแพทย์จะต้องเป็นผู้ปฏิบัติตามในการบำบัด รักษาโรคประการหนึ่ง คือไม่ทำในสิ่งที่อาจจะก่อให้เกิดอันตราย และการตระหนักถึงความต้องการของผู้ป่วยก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการประกอบโรค ศิลป์ของแพทย์ ซึ่งบางครั้งผู้ป่วยอาจจะได้รับประโยชน์จากวิธี/ข้อแนะนำซึ่งไม่ได้มีงาน วิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับก็ได้ตราบใดที่มันยังไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ ป่วย

ตามที่คณะกรรมการอาหารและยากำหนดให้ Raspberry ketone เป็นสารที่ได้รับการยืนยันว่ามีความปลอดภัยในการบริโภคในคน (GRAS) แต่มีหลายการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าผลต่อสุขภาพของ Raspberry ketone เป็นเพียงผลมาจากจิตใจ ซึ่งทั้งนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้การลดน้ำหนักในบางรายประสบ ความสำเร็จ

ในด้านฝั่งผู้ที่ควบคุมน้ำหนักคาดหวังว่า Raspberry ketone จะช่วยลดน้ำหนักลงได้นั้นกำลังถูกบริษัทผู้ผลิตอาหารเสริมหลอก เนื่องจากผู้บริโภคเหล่านี้ยังขาดความเข้าใจและตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะ เกิดขึ้น ในการศึกษาที่นำมาอ้างถึงเราๆไม่มีทางรู้ว่าในคนที่ได้ผล ลดน้ำหนักได้อาจมีความตั้งใจในการลดน้ำหนักมาก ในขณะที่คนที่ใช้ไม่ได้ผลอาจเป็นเพราะไม่ได้ตั้งใจจะลดน้ำหนักจริงจังก็ได้

มันง่ายที่จะทำเรื่องบางอย่างที่ไร้สาระให้คนเชื่อว่ามันเป็นจริง เพราะมันเป็นธรรมดาของมนุษย์ ซึ่งถ้าจะมีซักอย่างที่มันสามารถลดน้ำหนักได้จริงในใครซักคน มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องได้ผลในคนอื่นๆด้วย ปัจจุบันสรรพคุณในการเผาผลาญไขมันของ Raspberry ketone อาจจะยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนเพียงพอแต่มันก็ยังคงเป็นแรงผลักดันของคนที่ หวังที่จะเสริมสร้างสุขภาพของพวกเขาเอง

What is Fucoxanthin?

 

สารฟูโกแซนธินคืออะไร


Fucoxanthin คือสารแซนโทฟิสูตรโครงสร้างคือ C42H58O6 มันถูกพบเป็นเม็ดสีกระจายอยู่ในคลอโรพลาสของสาหร่ายสีน้ำตาลและส่วนใหญ่ในheterokontsอื่น ๆ ทำให้มองเห็นเป็นสีน้ำตาลหรือสีเขียวมะกอก Fucoxanthin ดูดซับแสงเป็นหลักในส่วนสีฟ้าสีเขียวสีเหลือง สีเขียวของสเปกตรัมที่มองเห็นจุดที่ประมาณ 510-525 นาโนเมตรโดยประมาณการ และการดูดซับอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 450-540 นาโนเมตร

บางการศึกษาการเผาผลาญอาหารและโภชนาการดำเนินการในหนูที่มหาวิทยาลัยฮอกไกโดระบุว่า fucoxanthin ส่งเสริมการเผาผลาญไขมันภายในเซลล์ไขมันในเนื้อเยื่อไขมันสีขาวโดยการเพิ่มการแสดงออกของ thermogenin ต่อมาการศึกษาของมนุษย์ ที่ควบคุมในเพศหญิงที่ป่วยด้วย โรคตับโดยใช้โปรแกรมเสริมด้วยสารสกัดจากสาหร่ายทะเลที่มี fucoxanthin ร่วมกับน้ำมันเมล็ดทับทิม แสดงให้เห็นในค่าเฉลี่ย
น้ำหนักที่ลดลง 4.9 กก. (11 ปอนด์) ในผู้หญิงอ้วนเป็นระยะเวลากว่า 16 สัปดาห์.

ประโยชน์ของสารฟูโกแซนธิน

1) การควบคุมน้ำหนัก

Fucoxanthin ได้มีการขยายการใช้สำหรับการควบคุมน้ำหนักกันอย่างกว้างขวาง เริ่มจากการศึกษาทดลองในสัตว์ก่อนได้รับการนำมาใช้ในมนุษย์ นักวิจัยญี่ปุ่นพบว่า สาร fucoxanthin (แยกได้จากสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล /Brown Wakame Sea weed) ส่งเสริมการสลายไขมันหน้าท้องหรือลดไขมันในกรณีเป็นโรคอ้วน ซึ่งได้ผลมีนัยสำคัญในหนูทดลองถึง 10% ของน้ำหนักร่างกายจริง

แม้ว่าจะไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ของ fucoxanthin ในการทำการสลายไขมันอย่างเด่นชัด แต่ดูเหมือนว่ามันจะกำหนดเป้​​าหมายโปรตีนที่เรียกว่า UCP1 ที่เพิ่มขึ้นทำให้อัตราที่ไขมันหน้าท้องถูกเผาผลาญไปอย่างอัศจรรย์ ไขมัน หน้าท้องหรือที่เรียกว่าเนื้อเยื่อไขมันสีขาว(white adipose tissue)เป็นชนิดของไขมันที่อยู่รอบอวัยวะของเราและมีการเชื่อมโยงกับโรค หัวใจและโรคเบาหวาน Fucoxanthin ก็ดูเหมือนว่าจะกระตุ้นการผลิตของ DHA ซึ่งเป็นหนึ่งของกรดโอเมก้า 3 ซึ่งพบในปลาที่มีไขมันเช่นปลาแซลมอน

แม้ ว่าจะมีแนวโน้มในการพัฒนามาเป็นอาหารเสริมจะเป็นที่นิยมและวิจัยกันมากขึ้น เพื่อเป็นสิ่งจำเป็นในตรวจสอบว่า fucoxanthin ที่ทดลองในสัตว์จะทำงานในลักษณะเดียวกันกับในมนุษย์ ถ้า สามารถพิสูจน์ให้รู้ถึงข้อบ่งชัดของประสิทธิภาพของสาร fucoxanthin ก็จะสามารถพัฒนาเป็นอาหารเสริมสำหรับควบคุมน้ำหนักในผู้ป่วยโรคอ้วนได้
2)ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด Fucoxanthin ยังได้รับการค้นพบในการศึกษาในสัตว์เพื่อลดอินซูลินและระดับน้ำตาลในเลือด นัก วิจัยตั้งสมมติฐานว่า fucoxanthin มีฤทธิ์ต้านเบาหวานอาจเป็นเพราะ fucoxanthin จะมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการสะสมของดีเอชเอ (กรดโอเมก้า 3 ไขมันที่พบในน้ำมันปลา) ดีเอชเอจะเป็นตัวที่จะเพิ่มความไวของอินซูลินในการปรับระดับสมดุลย์ของไตรกลีเซอไรด์และลด LDL (คอเลสเตอรอลชนิดเลว)
 

3) เป็นสารแอนติอ็อกซิแดนซ์

การวิจัยเบื้องต้นในหลอดทดลองแสดงให้เห็นว่า fucoxanthin อาจมีผลเป็นแอนติออกซิแดนซ์ ป้องกันมะเร็ง แต่การศึกษาไม่ได้มองที่ว่านี้ถือเป็นจริงในมนุษย์หรือถ้านำมารับประทาน มันอาจด่วนสรุปเร็วเกินไปสำหรับ fucoxanthin ในการที่จะนำมาใช้เป็นแนวทางในการรักษาเสริมสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ซึ่งผลข้างเคียก็ไม่เคยมีงานวิจัยเกี่ยวกับ fucoxanthin ในมนุษย์ ในผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น

 

Fucoxanthin is a xanthophyll, with formula C42H58O6. It is found as an accessory pigment in the chloroplasts of brown algae and most other heterokonts, giving them a brown or olive-green color. Fucoxanthin absorbs light primarily in the blue-green to yellow-green part of the visible spectrum, peaking at around 510-525 nm by various estimates and absorbing significantly in the range of 450 to 540 nm.

Some metabolic and nutritional studies carried out on rats and mice at Hokkaido University indicate that fucoxanthin promotes fat burning within fat cells in white adipose tissue by increasing the expression of thermogenin.[1] A subsequent double-blind placebo-controlled human study of females with liver disease using supplementation with seaweed extract containing fucoxanthin in combination with pomegranate seed oil [2] showed in an average 4.9 kg (11 lb) weight loss in obese women over a 16-week period.[2]
Another 16-week trial is currently underway that is investigating the effects of a combination supplement of brown seaweed extract (containing fucoxanthin) and pomegranate seed oil. This study is looking at the effects of this supplement on body composition, resting energy expenditure, blood pressure, and serum lipid levels and liver enzyme levels of obese men and women following a hypocaloric diet. A manuscript involving the complete results of this study is still pending.

References

  1. ^ Maeda, H; Hosokawa, M; Sashima, T; Funayama, K; Miyashita, K (2005). "Fucoxanthin from edible seaweed, Undaria pinnatifida, shows antiobesity effect through UCP1 expression in white adipose tissues". Biochemical and Biophysical Research Communications 332 (2): 392–7. doi:10.1016/j.bbrc.2005.05.002. PMID 15896707.
  2. ^ a b Abidov, M.; Ramazanov, Z.; Seifulla, R.; Grachev, S. (2010). "The effects of Xanthigen in the weight management of obese premenopausal women with non-alcoholic fatty liver disease and normal liver fat". Diabetes, Obesity and Metabolism 12: 72. doi:10.1111/j.1463-1326.2009.01132.x.

Fucoxanthin is a type of carotenoid found naturally in edible brown seaweed such as wakame (Undaria pinnatifida) and hijiki (Hijikia fusiformis), which are used widely in Asian cuisine. Wakame is the seaweed used in miso soup.


Fucoxanthin is also found in much smaller amounts in red seaweed (the kind typically used in Japanese sushi rolls) and green seaweed.
Both wakame and hijiki are available at Japanese specialty food stores, some health food stores and online. Although brown seaweed is the richest source of fucoxanthin, you would have to eat an unrealistic amount of it daily to get fucoxanthin levels close to those used in research studies.
Fucoxanthin is also available as a nutritional supplement in capsule form and can be found in some health food stores and online.

Why Do People Use Fucoxanthin

1) Weight Loss

Fucoxanthin is being explored for weight loss. So far, only animal studies have been done. Japanese researchers have found that fucoxanthin (isolated from wakame) promotes the loss of abdominal fat in obese mice and rats. Animals lost five to 10% of their body weight.
Although it's not fully understood how fucoxanthin works, it appears to target a protein called UCP1 that increases the rate at which abdominal fat is burned. Abdominal fat, also called white adipose tissue, is the kind of fat that surrounds our organs and is linked to heart disease and diabetes. Fucoxanthin also appears to stimulate the production of DHA, one of the omega-3 fatty acids found in fatty fish such as salmon.
Although it's promising and already a popular nutritional supplement, more research is needed to determine if fucoxanthin will work in the same way in humans. If it does prove to be effective, fucoxanthin could be developed into a diet pill for obesity.

2) Diabetes

Fucoxanthin has also been found in animal studies to decrease insulin and blood glucose levels. Researchers hypothesize that fucoxanthin anti-diabetes effect may be because fucoxanthin appears to promote the formation of DHA (the omega-3 fatty acid found in fish oil). DHA is thought to increase insulin sensitivity, improve triglycerides and reduce LDL ("bad") cholesterol.

3) Cancer

Preliminary research in test tubes suggests that fucoxanthin may have anti-tumor effects. No studies have looked at whether this holds true in humans or if taken orally. It's far too early for fucoxanthin to be used as a complementary treatment for cancer.

Sources
Maeda H, Hosokawa M, Sashima T, Funayama K, Miyashita K. Effect of medium-chain triacylglycerols on anti-obesity effect of fucoxanthin. J Oleo Sci. (2007) 56.12: 615-621.
Maeda H, Hosokawa M, Sashima T, Funayama K, Miyashita K. Fucoxanthin from edible seaweed, Undaria pinnatifida, shows antiobesity effect through UCP1 expression in white adipose tissues. Biochem Biophys Res Commun. (2005) 332.2:392-397.
Maeda H, Hosokawa M, Sashima T, Miyashita K. Dietary combination of fucoxanthin and fish oil attenuates the weight gain of white adipose tissue and decreases blood glucose in obese/diabetic KK-Ay mice. J Agric Food Chem. (2007) 55.19: 7701-7706.